หลักการผสมสีแบบFull
Color
ภาพที่
10ส่วนประกอบของหลอด
LED
ภาพที่
11ส่วนประกอบของหลอด
LED
ภาพที่
12ส่วนประกอบของหลอด
LED
คุณสมบัติเฉพาะของ
LED
-
เป็นตัวกำเนิดแสงที่มีมุมเฉพาะในการกระจายของแสง
-
สีของแสงที่เปล่งออกมา กำหนดได้จากความยาวคลื่น
-
ให้ความเข้มแสงสูง
-
ประหยัดพลังงาน
-
อายุการใช้งานยาวนาน
ที่ควรคำนึงถึง
1. คุณภาพและมาตรฐานของผู้ผลิตหลอด LED
-
ผู้ผลิตหลอด LED ที่มีมาตรฐานจะมีการคัดเลือกโทนสีและความสว่างของหลอดให้อยู่ในช่วงเดียวกัน ซึ่งจะทำให้การแสดงผลของจอ LED มีสีที่เท่ากันสม่ำเสมอทั้งหน้าจอ
-
หลอด LED ที่มีคุณภาพจะให้สีและความสว่างคงที่ตลอดอายุการใช้งาน
-
หลอด LED ที่ไม่มีคุณภาพ เมื่อใช้งานไประยะเวลาหนึ่ง การแสดงสีและความสว่างจะลดลงไปตามอายุการใช้งาน
-
การเสื่อมสภาพของหลอด LED แต่ละหลอดจะไม่เท่ากัน ซึ่งจะทำให้เกิดการแสดงสีที่ไม่สม่ำเสมอและเกิดความกระดำกระด่าง
-
ผู้ซื้อควรระบุมาตรฐานของผู้ผลิตหลอด
LED
ให้ชัดเจนเพื่อป้องกันการนำหลอด
LED
ที่ไม่ได้มาตรฐานมาใช้
-
หนังสือรับรองการใช้หลอด LED พร้อมตราประทับจากผู้ผลิตหลอด LED
-
หลักฐานการสั่งซื้อหลอด
LED
สำหรับการผลิตจอ
LED
(ระบุ
part
number และจำนวนไว้ด้วย)
-
ระดับ IP เป็นตัวบอกค่าของความสามารถในการป้องกันการซึมผ่านของของแข็งและของเหลวที่จะทำให้เกิดความเสียหายแก่อุปกรณ์ภายในจอ LED
-
ระดับ
IP
ประกอบด้วยตัวเลข
2
หลัก
- หลักที่หนึ่งระบุความสามารถในการป้องกันของแข็ง
- หลักที่สองระบุความสามารถในการป้องกันของเหลว
ระยะห่างระหว่างจุดภาพ (pixel pitch) ซึ่งจะส่งผลกับระยะดูภาพ
Pixel pitch 4 มม.(Indoor) ระยะดูที่ 4 เมตรขึ้นไป
Pixel pitch 8 มม.(Indoor) ระยะดูที่ 8 เมตรขึ้นไป
Pixel pitch 11 มม.(Outdoor) ระยะดูที่ 10 เมตรขึ้นไป4. Real vs Virtual Pixel
Pixel pitch 22 มม.(Outdoor) ระยะดูที่ 20 เมตรขึ้นไป
Real pixel จะวางหลอด LED เป็นกลุ่มของ Pixel โดยยึดหลักการให้การผสมสีในแต่ละ Pixel สมบูรณ์และสมจริงที่สุด
Virtual pixel อาศัยการวางหลอด LED ให้มีระยะห่างเท่ากันเพื่อให้เกิดจุดภาพ Virtual ขึ้นระหว่างจุดภาพจริง
สีของจุดภาพ Virtual เป็นการผสมสีของหลอด LED ที่อยู่ในจุดภาพจริงที่ติดกันสองจุด ซึ่งจะทำให้สีของจุดภาพเสมือนผิดเพี้ยนไป และจะทำให้ภาพเบลอ5. Services and Spare parts
การวางหลอด LED ให้มีระยะห่างเท่ากันทุกหลอดเป็นการยืดระยะห่างระหว่างหลอด LED ภายใน Pixel ให้ห่างกันมากขึ้น จะทำให้การผสมสีของหลอด LED ภายใน Pixel เป็นไปได้ยากขึ้น
-
ผู้ผลิตต้องมีการรับประกันการใช้งานและอะไหล่ไม่ต่ำกว่า 2 ปี
-
ผู้ผลิตต้องมีการรับรองระยะเวลาการเข้าถึง Site งาน เพื่อให้ผู้ซื้อมั่นใจว่า จะได้รับการบริการที่ทันท่วงที
-
ผู้ผลิตต้องมีอะไหล่พร้อมสำหรับทดแทนอุปกรณ์ที่ชำรุดได้ทันที
-
ผู้ผลิตควรมีเงื่อนไขการต่อสัญญาบริการหลังจากหมดระยะเวลาการรับประกัน
คุณสมบัติจอLCD,LED
-
สัดส่วน (Aspect Ratio): สัดส่วนของ Monitor ในปัจจุบันมีให้เลือกทั้งแบบ 4:3, 5:4, 16:10 และ 16:9 คุณควรเลือกสัดส่วนจอโดยคำนึงถึงประเภทของงาน และ content ที่จะแสดงบนจอเป็นหลัก ปัจจุบันนี้จอ LCD สัดส่วนแบบ 16:9 กำลังเป็นที่นิยม เพราะมีสัดส่วนเดียวกับภาพยนตร์จอกว้าง ทำให้สามารถแสดงภาพยนตร์จอกว้างได้โดยไร้ขอบดำด้านบน-ล่าง ของจอ แต่ถ้าคุณคำนึงถึงพื้นที่ใช้สอยเป็นหลัก อาจพิจารณาจอแบบ 16:10 เพราะพื้นที่ในแนวตั้งที่มากขึ้นจะช่วยลดภาระในการลากเม้าส์เพื่ออ่าน เอกสาร/เว็บเพจยาวๆ ได้
-
ความละเอียด (Native Resolution): ความละเอียดที่ Monitor สามารถแสดงได้ มีหน่วยเป็นพิกเซล ซึ่งมีให้เลือกหลาย resolution ด้วยกัน เช่น 1,400 x 900, 1,600 x 900, 1,680 x 1,950, 1,920 x 1,080, 1,920 x 1,200 เป็นต้น สำหรับ resolution ที่ได้รับความนิยมกับจอ 21.5″-23″ แบบ 16:9 ได้แก่ขนาด 1,600 x 900 หรือ 1,920 x 1,080 (Full HD) จอ LED, LCD Monitor จะ ทำงานได้ดีที่สุดต่อเมื่อ คุณป้อนสัญญาณ
-
ที่มีความละเอียดตรงกับ native resolution ของมันเท่านั้น ดังนั้นหากคุณต้องการเลือกจอไปใช้สำหรับการเล่นเกม ควรเลือกจอที่มี resolution ที่สัมพันธ์กับขีดความสามารถของการ์ดจอของคุณด้วย
-
Contrast Ratio: คือ อัตราส่วนของสีขาวที่สว่างที่สุด กับสีดำที่มืดที่สุด ตัวเลขที่สูงกว่าแสดงถึงความสามารถในการไล่ความสว่างของเฉดสีต่างๆ ได้หลายระดับมากขึ้น ทำให้มองเห็นรายละเอียดต่างๆ ในภาพชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะรายละเอียดต่างๆ ของภาพในหนัง/เกมในฉากมืดๆ ปัจจุบัน Native contrast ratio ของ LED, LCD monitor อยู่ที่ประมาณ 600:1 ถึง 1,000:1 (ทางผู้ผลิตจะไม่นิยมบอกกัน)
-
Dynamic Contrast Ratio: เนื่องจากหลอด backlight (หลอดไฟที่ช่วยทำให้เม็ดสีของจอ LED, LCD เรืองแสง) ของ LED, LCD monitor ในปัจจุบันสามารถปรับระดับความสว่างตามลักษณะของ content ที่แสดงอยู่บนจอ ณ ขณะนั้นได้ ทั้งนี้เพื่อให้นำมาซึ่ง Contrast Ratio ที่สูงขึ้น พูดง่ายๆ คือ Dynamic Contrast Ratio เป็น Contrast Ratio สูงสุดที่จอสามารถทำได้ โดยตั้งอยู่บนสมมติฐานอย่างใดอย่างหนึ่ง ผู้ผลิตส่วนใหญ่ในปัจจุบันจึงมักทำตลาดจอของตนด้วยตัวเลข Dynamic Contrast Ratio แทนการใช้ Native Contrast Ratio ซึ่งปัจจุบันมีตั้งแต่ 10,000:1 ไปจนถึง 5,000,000:1, 12,000,000:1 เลยก็มี
-
Response Time: เป็นระยะเวลาที่เม็ดสีบนจอ LCD ใช้ในการเปลี่ยนสถานะจากสีหนึ่งไปยังอีกสีหนึ่ง ฉะนั้นยิ่งตัวเลข response time น้อย ยิ่งหมายถึงการแสดงภาพเคลื่อนไหวที่เป็นธรรมชาติ ไร้เงา (ghosting) มากขึ้น
-
3.จอLEDที่ได้รับการพัฒนาต่อจากLCDมีหลักการทำงานที่รูปแบบเดียวกันแต่ว่าใช้หลอดLEDที่เป็นหลดขนาดเล็กมาในการส่องแสงแทนการใช้หลอดไฟแบบLCDจึงทำให้
-
Brightness: ความสว่างของจอ LED, LCD ในปัจจุบันจะอยู่ที่ 250 ? 500 cd/m2 (candela per square meter ? แรงเทียนต่อตารางเมตร) หากคุณต้องการนำจอไปวางไว้ในห้องที่สว่างมากๆ อาจต้องพิจารณาจอที่มีความสว่างมากขึ้น หรืออาจเลือกจอที่สว่างมากๆ เอาไว้ก่อน แล้วค่อยปรับให้สว่างน้อยลงตามสภาพแสงในห้องของคุณก็ได้
-
View Angle: มุมมองการรับชมของจอในแนวตั้งและแนวนอน ปัจจุบันจอส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 170/170 หรือมากกว่า (170 องศาในแนวตั้ง และ 170 องศาในแนวนอน) ซึ่งตัวเลขนี้เป็นตัวบอกจุดทำมุมสูงสุดที่คุณสามารถรับชมภาพจากจอได้โดยที่ สีและความสว่างไม่เพี้ยน (เช่นมองจากด้านข้างทำมุมสูงสุดได้ 170 องศาโดยที่สีและความสว่างไม่เพี้ยน เป็นต้น) เนื่องจากLCD monitor ถูกออกแบบมาให้ใช้กับคอมพิวเตอร์ (ซึ่งต้องมองตรงๆ) เป็นหลัก คุณจึงไม่ควรกังวลกับตัวเลขนี้มากเกินไปนัก
-
Connectivity Interface: Monitor ในปัจจุบันส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับพอร์ท VGA (หรือ D-Sub) และพอร์ท DVI ซึ่งพอร์ท DVI นั้นจะให้ภาพที่มีคุณภาพดีกว่า เนื่องจากเป็นการเชื่อมต่อแบบดิจิตอล ส่วน VGA เป็นพอร์ทอนาล็อกแบบเก่าซึ่งใช้กันอย่างกว้างขวางทั้งใน PC/Notebook คุณจึงควรเลือก Monitor ที่มีพอร์ททั้งสองประเภท เพื่อความยืดหยุ่นในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ หรืออาจเลือกจอที่มีพอร์ท HDMI ไปเลยก็ได้ หากคุณ
-
ต้องการนำไปเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีพอร์ท HDMI อย่าง Playstation 3
-
Special Feature: คุณสมบัติอื่นๆ ในปัจจุบันนี้ก็ทางผู้ผลิตก็ต่างใส่เข้ามาใน Monitor เพื่อทำการแข่งขันกันอย่าง USB Hub, Webcam, Touch Screen, TV Tuner, 3D เป็นต้น ซึ่งส่วนนี้ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่อำนวยความสะดวกและตอบสนองความต้องการของ เราได้ ขอแนะนำว่า ควรเลือกในสิ่งที่เราต้องการใช้งานจริงๆ เพราะคุณสมบัติเหล่ามันทำให้ราคาของ Monitor เอง มีราคาที่สูงขึ้นตามไปด้วย
จอภาพพลาสมา (อังกฤษ: plasma display (panel): PDP) คือ จอภาพที่ประกอบขึ้นจากแผ่นแก้วสองชุดวางชิดกัน ช่องว่างนี้จะถูกแบ่งออกเป็นเซลล์แสงกว้าง 100-200 ไมครอน มีชั้นผนัง (rib) กั้นไว้ โดยใช้ขั้วไฟฟ้าในแนวกระจกคอยควบคุมตำแหน่งของเซลล์เหล่านั้น แต่ละเซลล์จะบรรจุก๊าซที่ผสมระหว่างก๊าซซีนอนและก๊าซเฉื่อยอื่นๆ กลไกการทำงานของจอภาพพลาสมา จะมีการเรืองแสงขึ้นเองเหมือนการทำงานของหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ กล่าวคือ ก๊าซในเซลล์เหล่านี้เมื่อถูกกระตุ้นด้วยแรงดันไฟฟ้าจะเกิดการไอออนไนซ์ขึ้นทำให้ก๊าซแตกประจุและปล่อยแสงอุลตราไวโอเล็ตออกมา สารเรื่องแสงจะดูดซับอุลตราไวโอเล็ตและสร้างสีที่มองเห็นได้ด้วยตา ทำให้เรามองเห็นเป็นภาพได้
หัวใจของเทคโนโลยีจอภาพพลาสมาจึงอยู่ที่พลาสมาทุกหน่วยที่มาประกอบ
เซลล์แสงภายในแผ่นแก้วของจอภาพพลาสมา
จะแยกอิสระแต่ทำงานร่วมกัน
โดยมี Pure
Vision Cell Size ที่อยู่
0.286
X 0.808 มม.
ในจอภาพพลาสมาแบบสี
ภาพจะถูกสร้างขึ้นจากจุดหลายๆ
จุด แต่ละจุดเรียกว่า พิกเซล
แต่ละพิกเซลจะประกอบขึ้นจากเซลล์สี
3
เซลล์คือ
แดง เขียว น้ำเงิน
ดังนั้นความแตกต่างพื้นฐานประการหนึ่งระหว่างจอภาพพลาสมากับ
CRT
เช่นโทรทัศน์ธรรมดาทั่วไป
จึงอยู่ตรงที่ จอภาพพลาสมา
(รวมทั้งจอภาพผลึกเหลว)
จะดูค่าความละเอียดที่จำนวนพิกเซล
ขณะที่ CRT
จะดูที่ความเร็วในการสแกนภาพยังมีความแตกต่างอีกหลายประการที่ทำให้จอภาพพลาสมาโดดเด่นกว่าจอภาพ CRT เช่น ขนาดที่สามารถผลิตได้ใหญ่กว่า ความละเอียดของคุณภาพสูงกว่า คุณภาพในแง่ต่างๆ ของภาพดีกว่า รวมไปถึงนำหนักที่เบากว่า และปลอดจากการรบกวนของสนามแม่เหล็ก เป็นต้น
ปัจจุบัน จอภาพพลาสมาสามารถผลิตได้ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก 103 นิ้ว ส่งสัญญาณภาพด้วยระบบ Full High Definition แสดงภาพได้ 1080p ผลิตโดยบริษัท มัตสุซิตะ อิเล็คทริค อินดัสเตรียล จำกัด (Panasonic) ในประเทศญี่ปุ่น และยังเป็นโรงงานที่ผลิตจอภาพพลาสมา ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย
5.จอภาพแบบ HD
HD ย่อมาจากคำว่า High-Definition นั้น เป็นรูปแบบหรือมาตรฐานใหม่สำหรับการส่งสัญญาณภาพที่มีความละเอียดสูงในระดับ 720p/1080p/1080i ซึ่งให้ภาพที่คมชัดและมีรายละเอียดสูงกว่าดีวีดีทั่วไป ระบบการส่งสัญญาณภาพแบบ HD ในระดับ 1080p จำเป็นต้องใช้สายแบบ HDMI เท่านั้น ส่วนสาย Component ทั่วไปจะรองรับเฉพาะที่ความละเอียด 720p และ 1080i เท่านั้น
ส่วน
HDTV
หมายถึง
TV
ที่รองรับความละเอียดระดับ
Hi-Def
ให้ภาพคมชัดมากมากกว่าปกติ
การทำงานของ
HDสัญญาณดิจิตอลที่ส่งมาที่ TV นั้นจะผ่านกระบวนการบีบอัดข้อมูลสัญญาณดิจิตอล โดย MPEG-2 ทำการถอดรหัส หลังจากนั้นจะถูกส่งไปที่หลอดภาพทำหน้าที่ยิงลำแสงออกมายังหน้าจอ TV ทำให้เกิด Pixel (จุดภาพ) บนจอภาพแต่ในระบบ HD นั้นจะให้ Pixel ที่สูงกว่า TV ทั่วไปมากเลยทีเดียวทำให้ภาพที่ออกมาละเอียดคมชัด ไร้ซึ่งอาการกระพริบของสัญญาณภาพ
1080i VS 1080p
ภาพ
13
1080i VS 1080p
- Interlaced
(i) จะทำการแบ่งภาพออกเป็น
2
เฟรม
คือเฟรมที่เป็นเลขคี่และเลขคู่
และจะ scan
ภาพสลับกันไปเรื่อยๆ
จนครบ 1080
เส้น
จะมีการกระพริบระหว่างการสลับเฟรมคี่และ
การ Scan ภาพในรูปแบบของ HDTV นี้จะเป็นแบบ wide screen ที่มีอัตราส่วนของจออยู่ที่ 16:9 ต่างจาก TV รุ่นเก่าจะที่เป็น NTSC หรือ PAL อัตราส่วนจะอยู่ที่ 4:3
ตัวอย่างความละเอียดของภาพ
ภาพ
14ความละเอียดของภาพ
-
480p = 338,000 pixels / frame (704 x 480)
-
720p = 922,000 pixels / frame (1280 x 720)
-
1080i = 1,037,000 pixels / frame (1920 x 1080)
-
1080p = 2,074,000 pixels / frame (1920 x 1080)
ปกติสำหรับการเลือก
HDTV
จะต้องเป็นคุณภาพระดับจำนวนเส้น
1080 เส้น
จะเห็นได้ว่า ความละเอียดของภาพที่
1080p
(Progressive Scan) จะไห้ความละเอียดสูงถึง
2,074,000
pixels ซึ่งดีที่สุด
สำหรับใครที่กำลังสนใจในเรื่องของ จอ LED อยู่ วันนี้เรามีมาแนะนำคุณแล้ว ที่เดียวในไทย กับการปล่อยเช่าจอ LED และจำหน่ายในที่เดี่ยว สนใจอยากเช่า หรือ ซื้อ เข้ามาดูที่เว้บไซต์ของเราได้เลย นั่นเองจร้า จอ LED คุณภาพดี มีทุกขนาด พร้อมบริการหลากหลายรุปแบบ ทั้งแบบเช้า หรือสนใจสั่งซื้อ ก้มีสินค้าใหม่พร้อมให้บริการคุณได้ในทันที ครบวงจรแบบนี้ หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว เข้ามาดุกันได้เลยจร้าที่เว็บไวตืของเราที่ลิงค์ด้านล่างนี้เลยจร้า
ตอบลบลิงค์ทางเข้าหน้าเว็บไซต์ >>>> เช่าจอ LED
สำหรับเนื้อหาที่เรานำมา เป็นเนื้อหาสาระดีๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องของ จอ LED ซึ่งใครที่กำลังที่กำลังสนใจสามารถเข้ามาหาดุข้อมุลได้เลยว่า แบบไหน ขนาดไหน ที่จะถุกใจคุณ และแน่นอนว่า มีทั้งบริการ ให้เช่า และ ซื้อได้ในที่เดี่ยวอย่างแน่นอนจร้า เข้ามาดูกันได้เลยจร้า